เริ่มเขียนวันละหน้า, กล้าลงมือทำ, Sketch ภาพจับไอเดีย

4/11/2014

 เริ่มเขียนวันละหน้า, กล้าลงมือทำ, Sketch ภาพจับไอเดีย

ผมได้รับไอเดียการเขียนเป็นประจำวัน วันละอย่างน้อย 1 หน้ากระดาษ A4 มาจากบทความที่แชร์ต่อกันมาใน Facebook แต่ต้องขอโทษทีที่ไม่ได้บันทึกจดที่มาเอาไว้  โดยหลักการคือการจดบันทึกจะเป็น 1 ข้อที่คนประสบความสำเร็จ (ตามทีในบทความยกย่อง...เพราะคนเรามองภาพความสำเร็จไม่เหมือนกัน) นอกจากนั้นอีก 4 ข้อก็จะมีตื่นเช้า, ทำสมาธิหลังตื่นนอน และก่อนเข้านอน, การออกกำลังกายสม่ำเสมอ, การหาให้เจอของชัยชนะวันนี้ ผมจึงคิดว่าเป็นฤกษ์งามยามดี (อีกแล้ว 555) ที่จะทำมันทุกวัน ทำแบบงงๆ กับการเขียนบันทึกไปเรื่อยๆสิ่งที่เป็นประโยน์ โดยเริ่มจากบทความนี้เลย...

วันนี้มี 3 หัวข้อคิดใหญ่ๆ ที่ผมเจอมาที่คิดว่าเจ๋งดี
  • ข้อที่หนึ่ง ความเสี่ยงของพนักงานกินเงินเดือน อันนี้สืบเนื่องจากผมอ่านหนังสือ "เริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว เขียนโดย คุณนรินทร์ โอฬารกิจอนันต์" พูดถึงความสงสัยองผู้เขียนที่บอกว่า ส่วนใหญ่องค์กรจะมีพนักงานอายุ 50 กว่าปีน้อยถึงน้อยมาก ไม่ว่าจะองค์กรใหนๆที่พบเจอ...อันนี้ผมก็สะดุดเหมือนกันนะ เออจิงหว่ะ! เราก็เคยสงสัยเหมือนกันเลย ผู้เขียนสรุปว่าเพราะองค์กรส่วนใหญ่จะมีกรอปแนวคิดเกี่ยวกับการจ้างพนักงานเป็นรูปพีระมิดฐานกว้างหัวแคบ คนที่อยู่สูงสุด (หัวหน้าใหญ่) จะมีจำนวนน้อยกว่าลำดับล่างลงมาเสมอ เพราะหลักแนวคิดคือ ถ้าพนักงานอยู่นานเข้าๆ ก็จะต้องมีเงินเดือนรายรับที่ดีขึ้น ดังนั้นองค์กรจึงต้องมีระบบตลาดสำหรับคัดกรองผู้ที่เหลือคนสุดท้าย (ความสามารถสูงสุดในระดับบริหาร) ไว้กับองค์กร ส่วนคนที่ไม่ผ่านด่านก็ต้องถูกคัดออกเป็นขั้นตามระยะเวลา และถูกทดแทนโดยคนมาใหม่ในที่สุด

ข้อคิดตรงนี้คือ ชี้ให้เห็นว่าพนักงานกินเงินเดือนใช่จะมั่นคง เพราะจะมีช่วงมั่นคงในตอนแรก อายุ 20 - 45 ปี แต่ถ้าไม่สามารถผ่านด่านเป็นผู้บริหารระดับสูงจนถึงวัย 50 ก็เตรียมตัวกลับบ้านได้เลย ดังนั้นพนักงานกินเงินเดือนจึงต้องวางแผนให้ดี ฝึกซ้อมมือกับการทำธุรกิจอื่นๆไว้รองรับบ้าง รู้จักลงทุนทางเลือกไว้ จะได้ไม่เดือดร้อนในภายภาคหน้า
  • ข้อที่สอง เราต้องฝึกตัวเองให้กล้าลงมือทำ "ไม่ว่าความฝันของคุณคืออะไร มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น หากคุณไม่สลัดความกลัวทั้งหลายทิ้งไปแล้วเริ่มมัน Sir.Richard Brandson" อย่ารอไอเดียบรรเจิดแล้วค่อยทำ
ข้อคิดตรงนี้คือ ให้ดูบริษัทดังในปัจจุบันที่ธุรกิจหลักในปัจจุบัน ไม่ได้เกิดจากไอเดียธุรกิจเริ่มต้นตอนสร้างบริษัท หรือใช่ก็เกิดจากการเปิดโจทย์ไว้เพียงหลวมๆ ตัวอย่างเช่น โรงแรมาริออท ที่ตอนแรกธุรกิจถูกเซทมาเป็นแผงขายรูทเบียร์, Sony ที่ถูกเซทมาให้ขายสินค้าอะไรซักอย่างที่เป็นสินค้านวัตกรรม ดังนั้นอย่าจำกัดตัวเองอยู่กับความเพอร์เฟคจนไม่กล้าทำอะไร เพราะผลลัพธ์ที่คิดว่าจะเกิด อาจไม่เกิดเลยเพราะไอเดียที่คิดว่าเจ๋งตอนแรกมันไม่ work แต่เป็นไอ้ตัวที่จับพลัดจับผลูต่อเนื่องมาจากไอเดียแรกนี่แหละที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้...
  • ข้อที่สาม Sketch ภาพจับไอเดีย จากหนังสือ "Architect's Sketchbook" ซึ่งแสดงผลงานการ Sketch ภาพสถานที่ต่างๆ จากพวกพี่ๆ นักสถาปนิค ซึ่งกระตุ้นให้ผมอยาก sketch ภาพสถานที่ต่างๆ โดยไม่เน้นสวยงาม เน้นสาระ ไอเดีย และความสุขความสร้างสรรค์ที่จะได้รับจากงาน Sketch...ผมว่ามันเข้าท่าดีนะ และเป็นแนวคิดที่ต่อยอดมาจากหนังสือชื่อ "Sketchnote Handbook ของ Mike Rohde" ที่ให้เราจับไอเดียจากสิ่งที่เราเรียนรู้ไม่ว่าจากหนังสือ, สัมมนา, การประชุม เป็นการ Sketch note อย่างง่าย เน้นสาระ สนุก สร้างจินตนาการให้กับคนที่ Sketch และต่อยอดในหัวได้อีก...ต้องออกตัวก่อนว่าฝีมือด้านวาดเขียนของผมเข้าขั้นห่วยเทพมากนะ หุหุ
ข้อคิดตรงนี้คือ พอมาอ่านหนังสือ 2 เล่มนี้แล้ว ทำให้เห็นภาพตัวเองได้เลยว่าเราก็สามารถ Sketch ได้เหมือนกัน แค่ยึดหลัก จับสาระ ไอเดียของสิ่งที่ต้องการ กับความสนุกสนานไปกับจินตนาการที่จะได้รับจากการ Sketch ...ถ้าไม่เชื่อผมจะเริ่มให้ดูเลยจากการ Sketch ง่ายๆ Bench (ม้านั่ง) ออกกำลังกายในห้อง คอนเซปที่ได้จากหนังสือ Architect's Sketchbook คือ จะ Sketch โดยใช้เวลาห้ามเกิน 30 นาที แต่ผมต้องแน่กว่า ขอ Challenge ไม่เกิน 20 นาทีพอ...เอ้า เริ่มนับเลย !
.
.
.
.
.

Comments